มัดรวมข้อดี – ข้อเสีย ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ปัญหาถุงใต้ตากลายเป็นอุปสรรคทำให้ใบหน้าใสๆ ของคุณดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส และแก่กว่าวัย จนสาวๆ หลายคนต้องค้นหาวิธีต่างๆ เพื่อปกปิดและจัดการกับปัญหานี้ให้หายไป หลายคนเลือกที่จะแต่งหน้าให้หนาขึ้นจนบางครั้งทำให้ใบหน้าของเราดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่ยังมีอีกหนึ่งตัวเลือกที่สามารถช่วยคุณได้ นั่นคือ  การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งเป็นการรักษาที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวใต้ตาคุณกลับมามีน้ำมีนวลขึ้นอีกครั้ง

แต่ผิวบริเวณดวงตาก็ยังเป็นตำแหน่งสำคัญที่หลายคนมีความกังวลและไม่กล้าที่จะเสี่ยงฉีดฟิลเลอร์ สำหรับบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักข้อดีและข้อเสีย รวมถึงอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจของทุกๆ คนกันค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ เป็นการฉีดสารเติมเต็มในกลุ่มไฮยาลูรอนิคแอซิด หรือ กรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) เข้าไปในผิวบริเวณใต้ตา โดยส่วนใหญ่จะใช้รักษาปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ริ้วรอยใต้ตา เบ้าตาลึก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ใบหน้าของเราดูโทรม และแก่กว่าวัย

ซึ่งการรักษาด้วยฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มส่วนที่ยุบตัวให้กลับมาเต่งตึงได้ ช่วยทดแทนคอลลาเจนที่สลายไป ในปัจจุบันฟิลเลอร์ใต้ตากลายเป็นที่นิยมมากๆ ไม่ใช่เพียงแต่กลุ่มคนที่เริ่มมีอายุเท่านั้น วัยรุ่นในปัจจุบันที่พบเจอกับปัญหาใต้ตาก็ให้ความสนใจเช่นเดียวกัน เพราะเป็นการรักษาที่เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำได้อย่างชัดเจน

 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับอันตราย

ข้อดีและข้อเสีย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ลดถุงใต้ตาแต่ยังมีความกังวล หรือลังเลอยู่ วันนี้เราได้มัดรวมข้อดีและข้อเสียเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจมาฝากกัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ

ข้อดีของฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ช่วยลดปัญหาถุงใต้ตาหมองคล้ำ ริ้วรอย ร่องลึกที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตาได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถเห็นผลได้รวดเร็ว และชัดเจนหลังจากทำการรักษา
  • ช่วยจัดการกับริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณใต้ตาให้กลับมาเต่งตึง เปล่งปลั่ง และอ่อนกว่าวัยได้อีกครั้ง
  • ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ซึ่งระยะเวลาและคุณภาพนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ด้วย
  • ฟิลเลอร์สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ให้กลายเป็นปัญหากวนใจ

ข้อเสียฟิลเลอร์ใต้ตา

สำหรับข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา ส่วนใหญ่มักเกิดจากการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน และการเลือกรักษากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ซึ่งเสี่ยงก่อให้เกิดอันตรายกับดวงตาอย่างมาก เนื่องจากบริเวณดวงตาเป็นจุดที่มีเส้นเลือดค่อนข้างเยอะ จึงจำเป็นที่ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะใช้บริการ เพื่อลดความเสี่ยงฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ใต้ตาช้ำ หรืออาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตา

ฟิลเลอร์ใต้ตา

อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด เนื่องจากสารที่นำมาฉีดนั้นเป็นกรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายมนุษย์ผลิตขึ้นมาเองตามธรรมชาติอยู่แล้ว โดยมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ และรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แต่ถ้าต้องการฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัยและเห็นผลอย่างมีประสิทธิภาพ ควรคำนึงถึง 2 ปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้

  1. ต้องมั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่เลือกใช้เป็นของแท้ ในปัจจุบันมีฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอมถูกนำมาใช้ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นสารจำพวกซิลิโคนเหลว ราคาถูก สารเหล่านี้ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ อาจส่งผลข้างเคียงและเป็นอันตรายหลังฉีดได้
  2. ควรฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้น ผิวบริเวณใต้ตามีเส้นเลือดฝอยค่อนข้างมาก จึงจำเป็นที่ต้องการแพทย์ที่รู้ตำแหน่งและมีเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกต้อง จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาปลอดภัยยิ่งขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สาเหตุเกิดจากอะไร?

หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วผิวบริเวณใต้ตาจับตัวเป็นก้อน อาจมีสาเหตุมากจากแพทย์ที่ทำการรักษาไม่มีประสบการณ์พอ มีการใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้อง การเลือกฟิลเลอร์ที่ไม่ตรงกับชั้นผิว หรือใช้ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น แม้แต่การเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับผิวก็มีส่วนเช่นกัน โดยเฉพาะการเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งมาฉีดใต้ตาที่ผิวบาง จะทำให้ใต้ตาเป็นก้อนบวมอย่างเห็นได้ชัดเจน

นอกจากนั้นยังมีกรณีของฟิลเลอร์ปลอม แม้จะได้ผลดีในช่วงแรก แต่เมื่อปล่อยไว้นานๆ ฟิลเลอร์จะเริ่มจับตัวเป็นก้อน บวม และไหลย้อยลงมา แพทย์หลายท่านจึงแนะนำว่าห้ามฉีดเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของดวงตา

ฟิลเลอร์ใต้ตา เจ็บหรือไม่และบวมกี่วัน?

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้งแพทย์จะมีการแปะยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ ทำให้ระหว่างทำการรักษารู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือไม่เจ็บเลย ส่วนอาการบวมนั้นถือเป็นเรื่องปกติ โดยอาการบวมเกิดจากการใช้เข็ม ต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง ส่วนใบหน้าจะกลับมาเข้าที่เหมือนเดิมนั้นต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นแพทย์จะนัดเพื่อดูผลลัพธ์อีกครั้งค่ะ

สรุป ส่วนใหญ่แล้วอันตรายที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่พบเห็นบ่อยๆ มักเกิดจากการฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์รวมถึงหมอเถื่อนด้วย นอกจากนั้นยังมีการใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ( FDA / อย.ไทย ) อีกด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นการหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวฟิลเลอร์ และสถานที่ที่ไปรักษาว่าใช้ฟิลเลอร์แท้ และแพทย์มีประสบการณ์หรือเปล่านั้นจึงเป็นสิ่งที่ห้ามละเลย เพื่อลดความเสี่ยง และความปลอดภัยของใบหน้าเราเองค่ะ