เช็คด่วน !!! ใบหน้าของคุณเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คางหรือเสริมคาง ? 

สารพันปัญหาเกี่ยวกับรูปหน้า กรอบหน้า โครงหน้า ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญมากกว่าองค์ประกอบภายในใบหน้า อย่างตา จมูก และปาก อีกนะคะ ก็แหม!!! เวลาวาดรูปเราก็ยังต้องเริ่มสเก็ตจากโครงหน้าก่อนจริงไหมล่ะคะ ตา จมูก และปาก นับเป็นองค์ประกอบที่เหลือของโครงหน้าหรือใบหน้า ใครที่กำลังมีปัญหา หน้ากลม,หน้าสั้น,คางสั้น,คางบุ๋ม,คางหุบ ,คางตัด,คางยื่น,คางถอย,คางสองชั้น, กรอบหน้าไม่ชัดเจน, คุณมาถูกกระทู้แล้วค่ะ เพราะบทความนี้ ขยี้ให้เห็นกันชัดๆไปเลย ระหว่างการศัลยกรรมคาง กับการฉีดฟิลเลอร์คาง ข้อดี ข้อเสีย แบบเน้นๆ กันเลย

ศัลยกรรมคาง VS ฉีดฟิลเลอร์คาง ในแต่ล่ะปัญหา

ผู้ที่มีปัญหาสัดส่วนโครงหน้าไม่ได้มาตรฐาน golden Ratio face หรือสัดส่วนทองคำแบบ 1:1:1 หมายถึงการแบ่งสัดส่วนในใบหน้าออกมาเป็นสามส่วนเท่าๆกันส่วนที่ 1 (upper face) เริ่มตั้งแต่ไร้ผมจรดหัวคิ้วส่วนที่ 2 (middle face) เริ่มตั้งแต่หัวคิ้วจรดปลายจมูกส่วนที่ 3 (lower face) เริ่มตั้งแต่ปลายจมูกจรดปลายคางซึ่งทั้งสามส่วนนี้ต้องมีสัดส่วนที่เท่ากันแบบ 1:1:1 จึงจะเรียกได้ว่าเป็น golden Ratio face ในกรณีของใครที่มีสัดส่วนที่สามขาดหายไปหรือมีปัญหาคางสั้นคางหุบคางถอยเปรียบเสมือนการถมช่องว่างให้เต็มหรือการก่ออิฐกำแพงให้สูงขึ้นยาวขึ้นสามารทำแก้ปัญหาได้ทั้ง 2 วิธีดังนี้

การฉีดฟิลเลอร์คาง

การฉีดฟิลเลอร์คาง สามารถปรับแต่งโครงหน้าของลูกค้าให้สมดุล ได้สัดส่วน อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ สามารถปั้นแต่งคางให้เป็นไปตามรูปทรงต่างๆตามความต้องการของลูกค้าได้ แต่ก็ต้องภายใต้ความยืดหยุ่นหรือข้อจำกัดของเนื้อของลูกค้าด้วย และด้วยเทคนิคการฉีดลึกบนชั้นกระดูก ทำให้มีความมีปลอดภัยสูง

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง

1. ให้ความเป็นธรรมชาติ99% เหมือนเนื้อคางจริงๆของเราไม่แข็งเป็นก้อน(ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ไว้บนชั้นกระดูก) แยกไม่ออกระหว่างฟิลเลอร์และเนื้อคางจริง
2. ไม่ต้องพักฟื้นไม่ต้องวางยาสลบไม่มีรอยแผลสามารถแต่งหน้าและออกงานได้ทันทีหลังการฉีดฟิลเลอร์คาง
3. สามารถเห็นผลลัพธ์ทันทีไม่ต้องรอ
4. ค่อยๆฉีดเพิ่มได้ไม่จำเป็นต้องฉีดเพียงครั้งเดียวสามารถฉีดเพิ่มและปรับแต่งเพิ่มเติมได้
5. ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง ในเคสปรับโครงสร้าง

1. ค่าใช้จ่ายสูงเนื่องจากอาจจะต้องใช้ฟิลเลอร์เกิน 1CC ขึ้นไปซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ล่ะเคสตามโครงสร้างปัญหาที่ต้องแก้ไข
2. ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ถาวรตลอดชีพเนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารสลายได้

ศัลยกรรมคาง Chin Surgery

เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่มีปัญหาคางสั้นคางตัดหรือปัญหาโครงสร้างแค่เปลี่ยนจากการใช้สารเหลวในการฉีดเพื่อเข้าไปเสริมเนื้อใต้ผิวให้มีความยาวเพิ่มขึ้น มาเป็นการผ่าตัดใช้ซิลิโคนเข้าไปหนุนแทน ซึ่งก็แบ่งออกเป็น 2 วิธีที่นิยมกัน

1. เปิดแบบนอก ( กรีดแผลใต้คาง) เพื่อทำการใส่ซิลิโคนเข้าไปหนุนเนื้อใต้ผิวหนังและเย็บปิดแผลจากด้านนอก
2. เปิดแบบใน (กรีดเปิดแผนในช่องปากชิดขอบเหงือกระหว่างริมฝีปากล่าง) เพื่อทำการใส่ซิลิโคนเข้าไปใต้กระดูกและเย็บปิดแผลจากด้านนอก

ข้อดีจากการทำศัลยกรรมคาง

1. ผลลัพธ์อยู่ได้ถาวรตลอดชีพ
2. ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการฉีดฟิลเลอร์

ข้อเสียจากการทำศัลยกรรมคาง

1. มีความเสี่ยงต่อการเบี้ยวเอี่ยงของโครงหน้าจากการวางซิลิโคนไม่ตรง (โดยเฉพาะถ้าผลลัพธ์ต้องอยู่กับเราอย่างถาวรในกรณีนี้คงไม่เป็นผลดีแน่)
2. มีความเสี่ยงต่อการทิ้งรอยแผลเป็นและคีลอยด์(กรณีเปิดแผลนอก)
3. มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์คาง
4. เกิดอาการเขียวช้ำบวมระบมหลังการทำได้ 3-7 วันแรกยังต้องพักฟื้น
5. ผิวสัมผัสของซิลิโคนแข็งกว่าการฉีดฟิลเลอร์คางอย่างแน่นอน
6. อาจก่อให้เกิดพังผืดใต้ผิวซึ่งทำให้คางเป็นก้อน

ปัญหาเกี่ยวกับคางรูปแบบต่างๆ คางบุ๋มคางแฝดคางเอียงคางทู่ในเคสเหล่านี้มีความแตกต่างไปกับการปรับโครงสร้างในข้อแรกแต่ในข้อนี้เปรียบเหมือนกับการตกแต่งและต่อเติมเพียงเล็กน้อยจากโครงสร้างเดิมที่มีอยู่แก้ปัญหาเฉพาะอย่างซึ่งเป็นงานรายละเอียดเหมาะกับการรักษาด้วยการใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องเฉพาะจุดเนื่องจากเนื้อของฟิลเลอร์มีลักษณะเป็นของเหลวเป็นเจลสามารถแทรกซึมเข้าไปเติมเต็มข้อพกบร่องเฉพาะจุดได้เช่นการเติมร่องของคางแฝดให้เต็มขึ้นการเติมช่องว่างระหว่างคางและกระเป๋าแก้มให้รูปหน้าเป็น V- shape มากขึ้นหรือการฉีดเพื่อปั้นแต่งฟิลเลอร์ปรับแก้ปัญหาโครงสร้างที่เอียงไห้ตรงได้สมดุลมากขึ้นไม่เหมาะกับการศัลยกรรมคางเป็นอย่างยิ่ง

โดยสรุป สำหรับใครที่กำลังอยากปรับรูปคาง หากเคสของคุณเป็นการปรับโครงสร้างที่ต้องใช้การฉีดฟิลเลอร์จำนวนมาก การเลือกการศัลยกรรมคาง น่าจะตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าหากต้องการความเป็นธรรมชาติแล้วหล่ะก็ ต้องเลือกวิธีการ ฉีดฟิลเลอร์คาง ให้ความเป็นธรรมชาติระดับที่คนข้างๆ ยังจับไม่ได้เลยทีเดียวค่ะ

และเช่นเดิมค่ะ ที่สำคัญที่สุด ควรศึกษาข้อมูล สถานบริการ ที่เชื่อถือได้ มามีตราฐาน ความสะอาด ปลอดเชื้อ ตรวจสอบข้อมูลวัสดุไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ หรือ ซิลิโคน ต้องเลือกที่ถูกต้องตามมาตรฐาน และ ทีมแพทย์ และผู้ดูแล ที่มีความเชี่ยวชาญ เฉพาะทาง ก่อนการตัดสินใจด้วยนะคะ